สถานการณ์การผลิตและการตลาดรายสัปดาห์ 21-27 กุมภาพันธ์ 2565

 

ข้าว

1.สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
1.1 มาตรการสินค้าข้าว
1) โครงการสำคัญภายใต้แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
1.1) ด้านการผลิต
(1) การจัดการปัจจัยการผลิต ได้แก่ โครงการผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าว และมาตรการควบคุม
ค่าเช่าที่นา
(2) การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) โครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตพืช โครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้สู่มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการพัฒนาและส่งเสริมการเกษตร (ข้าวพันธุ์ กข43 และข้าวเจ้าพื้นนุ่ม) โครงการรักษาระดับปริมาณและคุณภาพข้าว โครงการเพิ่มปริมาณ
น้ำต้นทุนและเพิ่มพื้นที่ระบบส่งน้ำให้พื้นที่เกษตรกรรม และการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับการผลิตข้าวยั่งยืน
(3) การควบคุมปริมาณการผลิตข้าว ได้แก่ โครงการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรตามแผนที่การเกษตรเชิงรุก (Zoning by Agri-Map) โครงการส่งเสริมการปลูกพืชหลากหลาย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์หลังฤดูทำนา โครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่อง โครงการส่งเสริมการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ผ่านระบบสหกรณ์ แผนการถ่ายทอดความรู้การผลิตพืชหลังนาและการใช้น้ำในการผลิตพืชอย่างมีประสิทธิภาพ และแผนการผลิตพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิต
(4) การพัฒนาชาวนา ได้แก่ โครงการพัฒนาเกษตรกรปราดเปรื่อง (Smart Farmer)
(5) การวิจัยและพัฒนา ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์ข้าวเจ้าพื้นแข็ง และพันธุ์ข้าวเหนียว
(6) การประกันภัยพืชผล ได้แก่ โครงการประกันภัยข้าวนาปี
(7) การส่งเสริมการสร้างยุ้งฉางให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรทั่วประเทศ (รัฐชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 3)
1.2) ด้านการตลาด
(1) การพัฒนาตลาดสินค้าข้าว ได้แก่ โครงการเชื่อมโยงตลาดข้าวอินทรีย์ และข้าว GAP ครบวงจร
(2) การชะลอผลผลิตออกสู่ตลาด ได้แก่ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก โครงการส่งเสริมผลักดันการส่งออกข้าว และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว
(3) การจัดหาและเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศ ได้แก่ โครงการกระชับความสัมพันธ์และรณรงค์สร้างการรับรู้ในศักยภาพข้าวไทย เพื่อขยายตลาดข้าวไทยในต่างประเทศ และโครงการ ลด/แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าข้าวไทยและเสริมสร้างความเชื่อมั่น
(4) การส่งเสริมภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์ข้าว ผลิตภัณฑ์ข้าว และนวัตกรรมข้าว ได้แก่ โครงการส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติ และโครงการเสริมสร้างศักยภาพสินค้าเกษตรนวัตกรรมไทยเพื่อการต่อยอดเชิงพาณิชย์
(5) การประชาสัมพันธ์รณรงค์บริโภคข้าวและผลิตภัณฑ์ข้าวของไทยทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
(6) การประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในกลุ่มผู้บริโภคในต่างประเทศผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย
2) มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 อนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 และมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ดังนี้
2.1) โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2564/65 รอบที่ 1 โดยกำหนดชนิดข้าว ราคา และปริมาณประกันรายได้ (ณ ราคาความชื้นไม่เกิน 15%) ดังนี้ (1) ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน (2) ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน (3) ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน (4) ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ (5) ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
2.2) มาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65 ประกอบด้วย
3 โครงการ ได้แก่
(1) โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2564/65 โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกรและสถาบันเกษตรกรในเขตพื้นที่ปลูกข้าวทั่วประเทศ เพื่อรักษาราคาข้าวเปลือกให้มีเสถียรภาพ
โดยให้มีการเก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางของเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร เพื่อชะลอผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกันเป็นจำนวนมาก เป้าหมายจำนวน 2 ล้านตันข้าวเปลือก วงเงินสินเชื่อต่อตัน จำแนกเป็น ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 11,000 บาทข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 9,500 บาท ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 5,400 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 7,300 บาท และข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว ตันละ 8,600 บาท รวมทั้งเกษตรกรที่เก็บข้าวเปลือกในยุ้งฉางตนเอง จะได้รับค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตราตันละ 1,500 บาท สำหรับสถาบันเกษตรกรที่รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้รับในอัตราตันละ 1,000 บาท และเกษตรกรผู้ขายข้าวเปลือก ได้รับในอัตราตันละ 500 บาท
(2) โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร ปีการผลิต 2564/65โดย ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร ประกอบด้วย สหกรณ์การเกษตร กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และศูนย์ข้าวชุมชน เพื่อรวบรวมข้าวเปลือกจำหน่าย และ/หรือเพื่อการแปรรูป วงเงินสินเชื่อเป้าหมาย 15,000 ล้านบาท
คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 4 ต่อปี โดยสถาบันเกษตรกรรับภาระดอกเบี้ย ร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลรับภาระชดเชยดอกเบี้ยให้สถาบันเกษตรกรร้อยละ 3 ต่อปี
(3)โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2564/65 ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกเพื่อเก็บสต็อก เป้าหมาย 4 ล้านตันข้าวเปลือก โดยสามารถรับซื้อจากเกษตรกร
ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 - 31 มีนาคม 2565 (ภาคใต้ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2565) และเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสาร ระยะเวลาการเก็บสต็อกอย่างน้อย 60 - 180 วัน (2 - 6 เดือน) นับแต่วันที่รับซื้อ โดยรัฐชดเชยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3
2.3) โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2564/65
ธ.ก.ส. ดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดต้นทุนการผลิต ให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
1.2 ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศ
ข้าวเปลือกเจ้านาปีหอมมะลิ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 11,413 บาท ราคาสูงขึ้นจากตันละ 11,405 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.07
ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 7,834 บาท ราคาลดลงจากตันละ 7,884 บาท
ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.63
2) ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 1 (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 25,950 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ข้าวขาว 5% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 12,210 บาท ราคาลดลงจากตันละ 12,450 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.93
3) ราคาส่งออกเอฟโอบี
ข้าวหอมมะลิไทย 100% (ใหม่) สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 784 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,117 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 787 ดอลลาร์สหรัฐฯ (25,242 บาท/ตัน)  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.38 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 125 บาท
ข้าวขาว 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,488 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 432 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,856 บาท/ตัน)  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.78 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 368 บาท
ข้าวนึ่ง 5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 420 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,488 บาท/ตัน) ราคาลดลงจากตันละ 432 ดอลลาร์สหรัฐฯ (13,856 บาท/ตัน) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.78 และลดลงในรูปเงินบาทตันละ 368 บาท
หมายเหตุ : อัตราแลกเปลี่ยนสัปดาห์นี้ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 32.1132 บาท
2. สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
2.1 สถานการณ์ข้าวโลก
1) การผลิต
ผลผลิตข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์ผลผลิตข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผลผลิต 510.305 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจาก 507.458 ล้านตันข้าวสาร ในปี 2563/64 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.56
2) การค้าข้าวโลก
บัญชีสมดุลข้าวโลก กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ได้คาดการณ์บัญชีสมดุลข้าวโลกปี 2564/65 ณ เดือน
กุมภาพันธ์ 2565 มีปริมาณผลผลิต 510.305 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.56 การใช้ในประเทศ 510.399 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้นจากปี 2563/64 ร้อยละ 1.52 การส่งออก/นำเข้า 50.947 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจาก
ปี 2563/64 ร้อยละ 1.37 และสต็อกปลายปีคงเหลือ 186.329 ล้านตันข้าวสาร ลดลงจากปี 2563/64 ร้อยละ 0.05
โดยประเทศที่คาดว่าจะส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ออสเตรเลีย บราซิล กายานา ปากีสถาน ไทย อุรุกวัย และเวียดนาม ส่วนประเทศที่คาดว่าจะส่งออกลดลง ได้แก่ อาร์เจนตินา เมียนมา กัมพูชา จีน อียู อินเดีย ปารากวัย ตุรกี และสหรัฐอเมริกา
สำหรับประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ อียิปต์ เอธิโอเปีย อียู อิหร่าน ญี่ปุ่น เคนย่า มาดากัสการ์ เม็กซิโก เนปาล ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่คาดว่าจะนำเข้าลดลง ได้แก่ บราซิล จีน กินี อิรัก ฟิลิปปินส์ และเซเนกัล
ประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีเพิ่มขึ้น ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน และฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศที่มีสต็อกคงเหลือปลายปีลดลง ได้แก่ จีน เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา
2.2 สถานการณ์ข้าวของประเทศผู้ผลิตและผู้บริโภคที่สำคัญ
เวียดนาม
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะการค้ากลับมาคึกคักมากขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% ขึ้นมาอยู่ที่ 400 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก 395 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน (นับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2564)
วงการค้าข้าวระบุว่า ความต้องการข้าวจากต่างประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากผ่านพ้นช่วงวันหยุดติดต่อกันในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประกอบกับมีการประมูลข้าวของเกาหลีใต้ ซึ่งระบุที่จะซื้อข้าวจากเวียดนาม ประมาณ 27,791 ตัน ขณะที่ผู้ค้าข้าวกําลังเตรียมการซื้อข้าวฤดูใหม่จากเกษตรกร โดยคาดว่าผลผลิตข้าวฤดูการผลิตฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (the main winter-spring harvest) จะออกสู่ตลาดสูงสุดในช่วงกลางเดือนมีนาคม 2565
กรมศุลกากรเวียดนาม (the Customs Department) รายงานว่า ในเดือนมกราคม 2565 เวียดนาม ส่งออกข้าวได้ประมาณ 505,741 ตัน มูลค่าประมาณ 246.024 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 486.5 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.42 และร้อยละ 28.22 แต่ราคาส่งออกเฉลี่ยลดลงร้อยละ 11.8 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (เดือนมกราคม 2564 เวียดนามส่งออกข้าวได้ประมาณ 347,774 ตัน มูลค่าประมาณ 191.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 551.7 เหรียญสหรัฐต่อตัน) แต่ถ้าเทียบกับเดือนธันวาคม 2564 ปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.17 แต่มูลค่าลดลงร้อยละ 2.79 และราคาส่งออกเฉลี่ยลดลงร้อยละ 5.8 (เดือน ธันวาคม 2564 เวียดนามส่งออกข้าวปริมาณ 490,219 ตัน มูลค่าประมาณ 253.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 516.3 เหรียญสหรัฐต่อตัน)
ทั้งนี้ ชนิดข้าวที่เวียดนามส่งออกในเดือนมกราคม 2565 ประกอบด้วย ข้าวพันธุ์ OM5451 ประมาณร้อยละ 23.23 ของปริมาณส่งออกทั้งหมด รองลงมาเป็นข้าวพันธุ์ DT8 ประมาณร้อยละ 17.78 ข้าวขาว 15% ประมาณร้อยละ 9.27 ข้าวเหนียวประมาณร้อยละ 7.6 ข้าวหอม Jasmine ประมาณร้อยละ 6.39 และข้าวพันธุ์อื่นๆ ประมาณร้อยละ 35.73
ตลาดสำคัญในเดือนมกราคม 2565 ประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งเวียดนามส่งออกประมาณ 234,050 ตัน มูลค่า ประมาณ 110.207 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.78 และร้อยละ 20.61 ตามลำดับ
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (คิดเป็นร้อยละ 46.28 ของปริมาณส่งออกทั้งหมด และร้อยละ 44.8 ของมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด) รองลงมาคือ ประเทศไอวอรี่โคสต์ประมาณ 59,675 ตัน มูลค่าประมาณ 23.383 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 424.06 และร้อยละ 252.49 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (คิดเป็นร้อยละ 11.8 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด และร้อยละ 9.5 ของมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด) และประเทศจีนประมาณ 37,006 ตัน มูลค่า ประมาณ 18.988 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่า ลดลงร้อยละ 36.03 และร้อยละ 36.99 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (คิดเป็นร้อยละ 7.32 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด และร้อยละ 7.72 ของมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด
ทั้งนี้ ในปี 2564 (มกราคม-ธันวาคม 2564) เวียดนามสามารถส่งออกข้าวได้ปริมาณ 6,237,311 ตัน มูลค่า ประมาณ 3,285.628 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ราคาส่งออกเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 526.8 เหรียญสหรัฐต่อตัน โดยปริมาณ ลดลงร้อยละ 0.2 แต่มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 และราคาส่งออกเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับ
ช่วงเดียวกันของปี 2563
ตลาดสำคัญที่เวียดนามส่งออกข้าวในปี 2564 (มกราคม-ธันวาคม 2564) ได้แก่ ประเทศฟิลิปปินส์ ส่งออกประมาณ 2,454,882 ตัน มูลค่าประมาณ 1,251.166 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.65 และร้อยละ 18.45 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (คิดเป็นร้อยละ 39.36 ของปริมาณส่งออกทั้งหมด และร้อยละ 38.08 ของมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด) รองลงมาคือ ประเทศจีนประมาณ 1,058,800 ตัน มูลค่าประมาณ 522.724 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.58 และร้อยละ 12.89 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (คิดเป็นร้อยละ 16.98 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด และร้อยละ 15.91 ของมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด) และประเทศกาน่าประมาณ 678,478 ตัน มูลค่าประมาณ 393.628 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.84 และร้อยละ 39.44 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (คิดเป็นร้อยละ 10.88 ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด และร้อยละ 11.98 ของมูลค่าการส่งออกข้าวทั้งหมด)
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย
จีน
คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ( The National Development and Reform Commission; NDRC) ได้ปรับเพิ่มราคารับซื้อข้าวเปลือกขั้นต่ำ (the minimum purchase prices; MPP) สำหรับปีการผลิต 2564/65 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเพิ่มความมั่นคงด้านอาหารของประเทศ โดยข้าวพันธุ์อินดิกาต้นฤดู (early-season indica rice paddy) กำหนดไว้ที่ 2,480 หยวนต่อตัน (ประมาณ 392 เหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นจาก 2,440 หยวนต่อตัน (ประมาณ 378 เหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2564 ขณะที่ข้าวพันธุ์อินดิกากลางและปลายฤดู (mid-late indica rice paddy) กำหนดไว้ที่ 2,580 หยวนต่อตัน (ประมาณ 407 เหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นจาก 2,560 หยวนต่อตัน (ประมาณ 397 เหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2564 สำหรับข้าวพันธุ์จาปอนิกา (the high-quality japonica paddy prices) กำหนดไว้ที่ 2,620 หยวนต่อตัน (ประมาณ 413 เหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นจาก 2,600 หยวนต่อตัน (ประมาณ 403 เหรียญสหรัฐฯ) ในปี 2564
ขณะที่สำนักงานอาหารและปัจจัยสํารองแห่งชาติ (The National Food and Strategic Reserves Administration) รายงานว่า ในปี 2565 รัฐบาลยังคงตั้งเป้าจัดหาข้าวไว้จำนวน 50 ล้านตัน แบ่งเป็นข้าวเมล็ดสั้น (short-grain rice/japonica) จำนวน 30 ล้านตัน และข้าวเมล็ดยาว (long-grain rice/indica) จำนวน 20 ล้านตัน ทั้งนี้ รัฐบาลจีนได้เรียกร้องให้มีการผลิตข้าวเพิ่มขึ้นในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ของ COVID-19 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความมั่นคงด้านอาหารในประเทศ โดยคณะทำงานของรัฐบาลระบุว่า ภูมิภาคที่มีสภาพการเจริญเติบโตที่ดี
ควรฟื้นฟูการปลูกข้าวสองครั้ง (double-cropping of rice) และควรขยายพื้นที่ปลูกข้าวที่ปลูกในช่วงต้นฤดู (early crop)
ที่มา สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย

 


ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาในประเทศ
ราคาข้าวโพดภายในประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ มีดังนี้

ราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นไม่เกิน 14.5% สัปดาห์นี้ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อนและราคาข้าวโพดที่เกษตรกรขายได้ความชื้นเกิน 14.5% สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.14 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 7.26 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.65
ราคาข้าวโพดขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์รับซื้อ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 11.24 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.76 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 28.31 และราคาขายส่งไซโลรับซื้อสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.68 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 8.54 บาท ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 25.06
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี. สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 285.00 ดอลลาร์สหรัฐ (9,165.00 บาท/ตัน) สูงขึ้นจากตันละ 277.00 ดอลลาร์สหรัฐ (7,118.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.89 และสูงขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 2,047.00 บาท
2. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดคะเนความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของโลก ปี 2564/65 มีปริมาณ 1,195.17 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 1,137.37 ล้านตัน ในปี 2563/64 ร้อยละ 5.08 โดยสหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป บราซิล เม็กซิโก อินเดีย แคนาดา อียิปต์ ญี่ปุ่น และอาร์เจนตินา มีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น
สำหรับการค้าของโลกมี 195.00 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 183.70 ล้านตัน ในปี 2563/64 ร้อยละ 6.15 โดยอาร์เจนตินา ยูเครน บราซิล สหภาพยุโรป รัสเซีย และแอฟริกาใต้  ส่งออกเพิ่มขึ้น ประกอบกับผู้นำเข้า เช่น เม็กซิโก ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป เวียดนาม อียิปต์ อิหร่าน และโคลัมเบีย มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น
ราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดชิคาโกเดือนมีนาคม 2565 ข้าวโพดเมล็ดเหลืองอเมริกัน ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 678.00 เซนต์ (8,688.00 บาท/ตัน) เพิ่มขึ้นจากบุชเชลละ 649.00 เซนต์ (6,643.00 บาท/ตัน) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 4.47 และเพิ่มขึ้นในรูปของเงินบาทตันละ 2,045.00 บาท




 


มันสำปะหลัง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
การผลิต
ผลผลิตมันสำปะหลัง ปี 2565 (เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) คาดว่ามีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.664 ล้านไร่ ผลผลิต 32.730 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.387 ตัน เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 9.796 ล้านไร่ ผลผลิต 32.499 ล้านตัน และผลผลิตต่อไร่ 3.318 ตัน พบว่า พื้นที่เก็บเกี่ยว ลดลงร้อยละ 1.35 แต่ผลผลิต และผลผลิตต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.71 และร้อยละ 2.08 ตามลำดับ โดยเดือนกุมภาพันธ์ 2565 คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาด 7.36 ล้านตัน (ร้อยละ 22.49 ของผลผลิตทั้งหมด)
ทั้งนี้ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2565 จะออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนมกราคม – มีนาคม 2565 ปริมาณ 20.30 ล้านตัน (ร้อยละ 62.02 ของผลผลิตทั้งหมด)
การตลาด
เป็นช่วงต้นฤดูการเก็บเกี่ยว หัวมันสำปะหลังออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นและคุณภาพดี สำหรับลานมันเส้นและโรงงานแป้งมันสำปะหลังส่วนใหญ่เปิดดำเนินการ
ราคาที่เกษตรกรขายได้ทั้งประเทศประจำสัปดาห์ สรุปได้ดังนี้
ราคาหัวมันสำปะหลังสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.28 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 2.29 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.44
ราคามันเส้นสัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 5.96 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 6.41 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 7.02
ราคาขายส่งในประเทศ
ราคาขายส่งมันเส้น (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต จ.ชลบุรี และ จ.อยุธยา) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 7.52 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 7.46 บาทในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.80
ราคาขายส่งแป้งมันสำปะหลังชั้นพิเศษ (ส่งมอบ ณ คลังสินค้าเขต กรุงเทพและปริมณฑล) สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 15.10 บาท ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี
ราคาส่งออกมันเส้น สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 246 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,890 บาทต่อตัน) ราคาสูงขึ้นจากเฉลี่ยตันละ 245 ดอลลาร์สหรัฐฯ (7,983 บาทต่อตัน) ในสัปดาห์ก่อน คิดเป็นร้อยละ 0.41
ราคาส่งออกแป้งมันสำปะหลัง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 488 ดอลลาร์สหรัฐฯ (15,652 บาทต่อตัน) ราคาทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน (15,901 บาทต่อตัน)


 


ปาล์มน้ำมัน

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าปี 2565 ผลผลิตปาล์มน้ำมันเดือนกุมภาพันธ์จะมีประมาณ 1.198 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.216 ล้านตัน สูงขึ้นจากผลผลิตปาล์มทะลาย 0.986 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ 0.177 ล้านตันของเดือนมกราคม คิดเป็นร้อยละ 21.50 และร้อยละ 22.03  ตามลำดับ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาผลปาล์มทะลาย สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 8.64 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 8.51 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 1.53
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาน้ำมันปาล์มดิบ สัปดาห์นี้เฉลี่ย กก.ละ 47.85 บาท สูงขึ้นจาก กก.ละ 47.75 บาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา ร้อยละ 0.21      
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
สถานการณ์ในต่างประเทศ
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์ม เดือนมีนาคม สูงมากกว่าตันละ 6,000 ริงกิต เป็นครั้งแรกในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ โดยได้แรงหนุนจากราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันพืช และการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน ในราคาน้ำมันถั่วเหลือง CBOT และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์ม เดือนพฤษภาคม ที่มีจำนวนซื้อขายมากสุด มีราคาซื้อขายสูงสุดอยู่ที่ตันละ 6,043 ริงกิต เหตุการณ์ระหว่างยูเครนและรัสเซียได้ผลักดันราคาน้ำมันดิบ ซึ่งสะท้อนราคาน้ำมันปาล์มและน้ำมันถั่วเหลืองทั่วโลก ปัจจัยเพิ่มเติมคือสภาพการปลูกถั่วเหลืองที่แย่ลงในอเมริกาใต้ รวมถึงนโยบายของอินโดนีเซียที่ส่งผลกระทบต่ออุปทานภายในประเทศและปริมาณการส่งออกน้ำมันปาล์มที่ยังคงสูงของมาเลเซีย เป็นส่วนผลักดันราคาน้ำมันปาล์มในตลาด
ราคาในตลาดต่างประเทศ
ตลาดมาเลเซีย ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 6,567.28 ดอลลาร์มาเลเซีย (51.45 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 5,984.27 ดอลลาร์มาเลเซีย (46.85 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 9.74        
ตลาดรอตเตอร์ดัม ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันปาล์มดิบสัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,622.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (52.80 บาท/กก.) สูงขึ้นจากตันละ 1,507.00 ดอลลาร์สหรัฐฯ (48.98 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 7.66
หมายเหตุ  :  ราคาในตลาดต่างประเทศเฉลี่ย 5 วัน

 


อ้อยและน้ำตาล

1. สรุปภาวะการผลิต  การตลาดและราคาในประเทศ

         
ไม่มีรายงาน

2. สรุปภาวะการผลิต การตลาดและราคาในต่างประเทศ
          ตามรายงานของ Marex Spectron และการสำรวจของรอยเตอร์ พบว่า ตัวเลขผลผลิตน้ำตาลปี 2564/2565 ของอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 32.5 ล้านตัน เทียบกับ 31.7 ล้านตัน ก่อนหน้านี้ ด้าน Marex Spectron   ตั้งข้อสังเกตว่าราคาตลาดโลกที่ตกต่ำขัดขวางการส่งออกในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดคาดว่าการส่งออกน้ำตาลของอินเดียจะน้อยลงในฤดูกาลนี้ เนื่องจากการผลิตเอทานอลที่สูงขึ้น ตามรายงานของ Cepea
          สมาคมน้ำตาลเวียดนาม (VSSA)  รายงานว่า เดือนมกราคม มีการลักลอบขนน้ำตาลข้ามพรมแดนเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตในเวียดนามไม่สามารถแข่งขันกับราคาที่ต่ำลงได้ โดยเฉพาะเมื่อราคาอ้อยสูงขึ้น ทั้งนี้ VSSA ประเมินว่าในปี 2564 น้ำตาลถูกลักลอบนำเข้าจำนวน 500,000 ตัน นอกเหนือจากการนำเข้า 865,000 ตัน จากประเทศในกลุ่มอาเซียน ซึ่งเพิ่มขึ้น 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
          Association of Sugarcane Industries of Minas Gerais (SIAMIG) กำหนดผลผลิตอ้อยในปี 2565/2566 ในภาคกลาง-ใต้ของบราซิลไว้ที่ 605 ล้านตัน รวมถึง 71 ล้านตัน ในรัฐ Minas Gerais แต่ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์สัดส่วนการผลิต ในทางกลับกัน Archer Consulting เตือนว่า ผลผลิตอ้อยในภาคกลาง-ใต้ของบราซิลอาจลดลงในปี 2566/2567 เนื่องจากเกษตรกรเปลี่ยนไปปลูกธัญพืชที่ทำกำไรได้มากกว่า




 

 
ถั่วเหลือง

1. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วเหลืองชนิดคละสัปดาห์นี้ ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งถั่วเหลืองสกัดน้ำมันสัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2. ภาวะการผลิต การตลาด และราคาในตลาดต่างประเทศ
ราคาในตลาดต่างประเท (ตลาดชิคาโก)
ราคาซื้อขายล่วงหน้าเมล็ดถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยบุชเชลละ 1,640.35 เซนต์ (19.61 บาท/กก.)สูงขึ้นจากบุชเชลละ 1,580.80 เซนต์ (18.80 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 3.77  
ราคาซื้อขายล่วงหน้ากากถั่วเหลือง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 459.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.95 บาท/กก.)สูงขึ้นจากตันละ 446.74 ดอลลาร์สหรัฐฯ (14.52 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 2.86  
ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันถั่วเหลืองสัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 70.41 เซนต์ (50.50 บาท/กก.)สูงขึ้นจากปอนด์ละ 66.56 เซนต์ (47.68 บาท/กก.) ในสัปดาห์ที่ผ่านมาร้อยละ 5.78
 

 

 
ยางพารา
 
 

 
ถั่วเขียว
 

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดใหญ่คละ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 23.48 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 23.74 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.10
ถั่วเขียวผิวมันเมล็ดเล็กคละ และถั่วเขียวผิวดำคละ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 29.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 25.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 20.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาส่งออก เอฟ.โอ.บี        
ถั่วเขียวผิวมันเกรดเอ สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 934.60 ดอลลาร์สหรัฐ (30.07 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 937.33 ดอลลาร์สหรัฐ (30.06 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.29 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.01 บาท
ถั่วเขียวผิวมันเกรดบี สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 809.40 ดอลลาร์สหรัฐ (26.04 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 811.33 ดอลลาร์สหรัฐ (26.02 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.24 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.02 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,280.00 ดอลลาร์สหรัฐ (41.18 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,283.00 ดอลลาร์สหรัฐ (41.15 บาท/กก.)  ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.23 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วเขียวผิวดำ ชั้น 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 652.60 ดอลลาร์สหรัฐ (21.00 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 654.00 ดอลลาร์สหรัฐ (20.98 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.21 แต่สูงขึ้นในรูปเงินบาทกิโลกรัมละ 0.03 บาท
ถั่วนิ้วนางแดง สัปดาห์นี้เฉลี่ยตันละ 1,116.60 ดอลลาร์สหรัฐ (35.92 บาท/กก.) ลดลงจากตันละ 1,120.00 ดอลลาร์สหรัฐ (35.92 บาท/กก.) ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 0.30 แต่คงที่ในรูปเงินบาท

 

 
ถั่วลิสง

สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
ความเคลื่อนไหวของราคาประจำสัปดาห์ มีดังนี้
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกแห้ง สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.01 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 50.67 ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 21.04
ราคาถั่วลิสงทั้งเปลือกสด สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 32.62 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 32.18 บาท ในสัปดาห์ก่อนร้อยละ 1.37
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดพิเศษ สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 67.50 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน
ราคาถั่วลิสงกะเทาะเปลือกชนิดคัดธรรมดา สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.00 บาท คงตัวเท่ากับสัปดาห์ก่อน


 

 
ฝ้าย

1. สรุปภาวะการผลิต การตลาด และราคาภายในประเทศ
    ราคาที่เกษตรกรขายได้
    ราคาฝ้ายรวมเมล็ดชนิดคละ ไม่มีการรายงานราคา
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้าตลาดนิวยอร์ก (New York Cotton Futures)
    ราคาซื้อ-ขายล่วงหน้า เพื่อส่งมอบเดือนพฤษภาคม 2565 สัปดาห์นี้เฉลี่ยปอนด์ละ 119.85 เซนต์(กิโลกรัมละ 85.98 บาท) ลดลงจากปอนด์ละ 122.56 เซนต์ (กิโลกรัมละ 87.81 บาท) ของสัปดาห์ก่อนร้อยละ 2.21 (ลดลงในรูปของเงินบาทกิโลกรัมละ 1.83 บาท)

 

 
ไหม

ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 1 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,859 บาท สูงกว่ากิโลกรัมละ 1,815 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.41 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 2 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,523 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาเส้นไหมพื้นเมืองเกรด 3 สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 1,005 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา


 

 
ปศุสัตว์
 
สุกร
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
  
ภาวะตลาดสุกรสัปดาห์นี้ ราคาสุกรมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลง เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตเนื้อสุกรที่ออกสู่ตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือลดลงเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
สุกรมีชีวิตพันธุ์ผสมน้ำหนัก 100 กิโลกรัมขึ้นไป ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ  91.38 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 94.37  คิดเป็นร้อยละ 3.17 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 86.93 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 90.44 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 93.48 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 87.47 บาท ส่วนราคาลูกสุกรตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้  ตัวละ 2,700 บาท ลดลงจากตัวละ 2,900 บาท คิดเป็นร้อยละ 6.90 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งสุกรมีชีวิต ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.50 บาท ลดลงจาก กิโลกรัมละ 88.83 บาท คิดเป็นร้อยละ 6.00 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไก่เนื้อ
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ
 
สัปดาห์นี้ราคาไก่เนื้อมีชีวิตที่เกษตรกรขายได้ลดลงเล็กน้อยจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย 
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไก่เนื้อที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 40.15 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 40.17 บาทคิดเป็นร้อยละ 0.05 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 32.00 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 40.73 บาท ภาคใต้ กิโลกรัมละ 44.38 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่เนื้อตามประกาศของบริษัท ซี.พี ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 15.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา 
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไก่มีชีวิตหน้าโรงฆ่า จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 39.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 38.00 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.63 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา และราคาขายส่งไก่สดทั้งตัวรวมเครื่องใน เฉลี่ยกิโลกรัมละ 52.50 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา

ไข่ไก่
สถานการณ์การผลิต การค้า และราคาในประเทศ   
สถานการณ์ตลาดไข่ไก่สัปดาห์นี้ ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตไข่ไก่ที่ออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภค แนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดว่าราคาจะทรงตัวหรือสูงขึ้นเล็กน้อย
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
ราคาไข่ไก่ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 299 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 309 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 297 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 298 บาท และภาคใต้ไม่มีรายงาน ส่วนราคาลูกไก่ไข่ตามประกาศของบริษัท ซี.พี. ในสัปดาห์นี้ ตัวละ 26.00 บาท ทรงตัวเท่ากับสัปดาห์ที่ผ่านมา  
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่ไก่ (เฉลี่ยเบอร์ 0-4) ในตลาดกรุงเทพฯจากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.22 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 3.25 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.92 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

ไข่เป็ด
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคาไข่เป็ดที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศร้อยฟองละ 365 บาท สูงขึ้นจากร้อยฟองละ 361 บาท คิดเป็นร้อยละ 1.30 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ ร้อยฟองละ 386 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยฟองละ 380 บาท  ภาคกลางร้อยฟองละ 322 บาท และภาคใต้ร้อยฟองละ 386 บาท
ราคาขายส่งในตลาดกรุงเทพฯ
ราคาขายส่งไข่เป็ดคละ ณ แหล่งผลิตภาคกลาง จากกรมการค้าภายใน เฉลี่ยร้อยฟองละ 3.65 บาท ลดลงจากร้อยฟองละ 3.75 บาท คิดเป็นร้อยละ 2.67 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 

โคเนื้อ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ
   
ราคาโคพันธุ์ลูกผสม (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้ เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 99.39 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 99.21 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.18 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 95.90 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 102.36 บาท ภาคกลาง กิโลกรัมละ 90.90 บาท และภาคใต้ กิโลกรัมละ 109.29 บาท

กระบือ
ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศ

ราคากระบือ (ขนาดกลาง) ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 81.72 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 80.96 บาท คิดเป็นร้อยละ 0.93 ของสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแยกเป็นรายภาคดังนี้ ภาคเหนือ กิโลกรัมละ 89.33 บาท ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กิโลกรัมละ 80.25 บาท  ภาคกลางและภาคใต้ไม่มีรายงาน 
 
 

 
 

 
ประมง

สถานการณ์การผลิต การตลาดและราคาในประเทศ
1. การผลิต
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 21 - 27 กุมภาพันธ์ 2565) ไม่มีรายงานปริมาณจากองค์การสะพานปลากรุงเทพฯ
2. การตลาด
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย (ขนาด 3 - 4 ตัว/กก.) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 61.75 บาท ราคาสูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 44.93 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 16.82 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง             
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.2 ปลาช่อน (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 78.30 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 80.47 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 2.17 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.3 กุ้งกุลาดำ ราคาที่ชาวประมงขายได้ขนาด 60 ตัวต่อกิโลกรัมและราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาดกลาง (60 ตัว/กก.) ไม่มีรายงานราคา
2.4 กุ้งขาวแวนนาไม ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 180.30 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 182.13 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.83 บาท เนื่องจากมีปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
สำหรับราคา ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาครขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 176.67 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 180.00 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 3.33 บาท
2.5 ปลาทู (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 66.40 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 67.19 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.79 บาท เนื่องจากตลาดมีความต้องการบริโภคลดลง
 สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.6 ปลาหมึกกระดอง (ขนาดกลาง) ราคาที่ชาวประมงขายได้และราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ สัปดาห์นี้ไม่มีรายงานราคา
2.7 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้สัปดาห์นี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 6.56 บาท ราคาลดลงจากกิโลกรัมละ 7.86 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 1.30 บาท
สำหรับราคาปลาป่นขายส่งกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ปลาป่นชนิดโปรตีน 60% ขึ้นไป ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.00 บาท ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 34.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.33 บาท และปลาป่นชนิดโปรตีนต่ำกว่า 60% ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 30.00 บาท ราคาสูงขึ้นเล็กน้อยจากกิโลกรัมละ 29.67 บาท ของสัปดาห์ที่ผ่านมา 0.33 บาท